ขอสินเชื่อธนาคารอย่างไรให้ผ่าน

ขอสินเชื่อธนาคารอย่างไรให้ผ่าน

หลายคนคงจะเคยถูกปฏิเสธการยื่นสมัครสินเชื่อกันมาบ้าง ไม่ว่าจะยื่นกู้ยืมสินเชื่ออะไร กับสถานบันการเงินที่ใดก็ไม่ผ่าน แม้ว่าจะเตรียมความพร้อมมาดีเพียงใดก็มิได้รับอนุมัติสักครั้ง ยื่นสมัครสินเชื่อจนถึงเริ่มหมดกำลังใจ เงินก็ไม่มี สินเชื่อก็กู้ไม่ผ่าน มั่นใจว่าปัญหาคงทำให้หลายๆคนจำต้องนั่งกุมขมับ วันนี้พวกเราจะมาแชร์แนวทางการขอสินเชื่ออย่างไรให้ผ่านฉลุย เพื่อทุกคนที่ต้องการใช้เงินได้เตรียมตัว จัดแจงเอกสารเพื่อไปสมัครสินเชื่อกัน มีวิธีการอะไรที่จึงควรทราบก่อนยื่นสมัคร ตามมาดูกัน

1.เอกสารพร้อม มีชัยไปกว่าครึ่ง

โดยปกติเอกสารในการขอสินเชื่อจะเป็นเอกสารที่พวกเราสามารถหาได้ง่ายได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สลิปค่าตอบแทนรายเดือนอย่างต่ำ 6 เดือน แล้วก็รายการเดินบัญชีย้อนไป ฯลฯ แม้กระนั้นสำหรับผู้ที่มิได้ทำงานประจำบางทีอาจจะต้องมีเอกสารเพิ่มเติมอีกมาแทนที่สลิปค่าจ้างรายเดือน อาทิเช่น หลักฐานแสดงการเงินทั้งตัวจริงและก็สำเนา เพื่อแบงค์แน่ใจว่าพวกเรามีรายได้แน่นอนตลอด 6-12 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งมีตัวเลขของเงินที่เข้าออกที่เยอะแยะ ก็ช่วยสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นได้มาก นอกเหนือจากนี้พวกเรายังจำต้องจัดแจงสำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ทะเบียนห้างหุ้นส่วน ในเรื่องที่พวกเราเป็นเจ้าของธุรกิจ เอกสารตัวนี้จะเพิ่มเครดิตด้านการเงินให้มากเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นเครดิตให้แบงค์เชื่อมั่นแล้วอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น หลักฐานการเสียภาษีอากรรายได้ ที่พวกเราได้รับตอนจ่ายภาษีในแต่ละปี ก็อย่าลืมแนบไปด้วย ส่วนเอกสารอันอื่น อาทิเช่น ภาพถ่ายร้านค้า หรือสำเนาใบประกอบอาชีพ ถ้าเกิดมีแนบไปในเอกสารขอสินเชื่อ สำหรับเอกสารที่พวกเราเตรียมพร้อมสำหรับการไปจะแสดงให้แบงค์มีความคิดเห็นว่าพวกเรามีเครดิตด้านการเงินที่ดีเยี่ยมแค่ไหน ทุกแบงค์ใคร่รู้ว่าคุณมีความรู้ความสามารถในการชำระเงินรวมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน จบเรื่องของเอกสารที่ต้องตระเตรียมแล้ว ไปดูกลเม็ดถัดไปกันเลย ว่าพวกเราจำเป็นจะต้องเตรียมกันเช่นไร

2. เดินบัญชีก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับขอสินเชื่อ

สำหรับพนักงานประจำไม่น่าจะมีปัญหาข้อนี้สักเท่าไหร่ เพราะเหตุว่าอย่างไรก็มีเงินเดือนโอนเข้ามาทุกเดือนอยู่แล้ว แล้วหากจะให้ดีน่าจะมีเงินฝากวางนอนนิ่งเอาไว้ภายในบัญชี อารมณ์ทำนองว่ามีเงินนิ่งอยู่แล้วประดับไว้ภายในบัญชี ไม่ใช่เงินเข้ามาแล้วออกหมด อย่างงี้แบงค์ก็เสียวอยู่แบบเดียวกัน
แต่ว่าถ้าหากสำหรับเจ้าของธุรกิจ การเดินบัญชีนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากมายๆที่จะจะต้องเดินบัญชีให้สวย มีเงินเข้าอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ผู้ที่เดินบัญชีได้ดี มีเงินเข้าตลอด ก็ได้โอกาสที่แบงค์จะอนุมัติเงินกู้ยืมให้ก็สูงมากขึ้น เพราะเหตุว่าแบงค์จะคิดว่าลูกหนี้มีรายได้เยอะมากพอที่จะนำเงินมาทยอยคืนเงินต้นและก็ดอกได้

3.รักษาประวัติการใช้หนี้ให้ดี

จำเป็นต้องอย่าลืมว่า ก่อนที่จะแบงค์ทุกแห่งจะอนุมัติสินเชื่อให้กับไม่ว่าใครก็ตาม จำเป็นที่จะต้องตรวจตราข้อมูลสินเชื่อของบุคคลนั้นๆผ่านบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ซึ่งจะมีรายงานประวัติการขอสินเชื่อรวมทั้งการใช้หนี้จากสถาบันการเงินต่างๆเพราะฉะนั้น สำหรับคนที่เคยมีประวัติขอสินเชื่อ ก็ควรจะแสดงให้แบงค์มีความคิดเห็นว่า พวกเรามีประวัติการจ่ายหนี้ที่ดีตลอดมา ไม่เคยจ่ายช้า ค้างจ่าย หรือเลี่ยงการจ่าย เพราะเหตุว่าจะแสดงถึงการมีวินัยทางด้านการเงินสูง โดยเหตุนี้ก็มีแนวโน้มที่จะชำระหนี้ให้แก่แบงค์อย่างครบถ้วนรวมทั้งตรงเวลา

4. มีความเข้าใจสำหรับในการจ่ายหนี้

สถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ ว่ามีความสามารถไหม โดยพินิจจากรายได้ที่ได้รับ ประวัติการชำระเงินก่อนหน้านี้กับสถาบันการเงินอื่น (ถ้าเกิดมี) รวมทั้งความรู้ความเข้าใจสำหรับในการผ่อนชำระหนี้อื่นๆร่วมด้วย โดยปกติถ้ามีภาระหน้าที่ผ่อนหนี้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด รวมกันสูงยิ่งกว่า 40% ของรายได้ โอกาสสำหรับในการขอสินเชื่อก็ลดน้อยลงตามไปด้วย (ยิ่งมีภาระหน้าที่หนี้สินสูง โอกาสสำหรับการขอสินเชื่อผ่านยิ่งลดน้อยลง) สมมุติรายได้เดือนละ 15,000 บาท ไม่สมควรมีภาระหน้าที่หนี้สินสูงมากเกินไปกว่า 6,000 บาท (15,000 x 40%) เพื่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือนมีประสิทธิภาพ ไม่มีภาระหน้าที่หนี้สินสูงจนเกินไป

5. เป็นหนี้เป็นสินให้น้อย ไม่สมควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน

สำหรับการสมัครสินเชื่อ จะมีการตรวจเครดิตบูโร ซึ่งจะมีการแสดงประวัติทางการเงินทั้งหมดว่าพวกเรามีการผ่อนหนี้อะไรอยู่บ้าง สถานะการจ่ายและชำระหนี้ดีหรือไม่อย่างไร แม้มีภาระหน้าที่หนี้สินมาก ควรจะปิดหนี้ให้หมดก่อน อาทิเช่น บัตรเครดิต หรือ สินเชื่ออื่นๆเพื่อได้ไม่กระทบวงเงินอนุมัติ เพื่ออนุมัติสินเชื่อได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยไม่สมควรให้มีหนี้สินเกิน 30% ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดเกินกว่านี้ แบงค์จะเห็นว่า การจ่ายชำระหนี้จะค่อนข้างจะตึงเหลือเกิน บางทีอาจไม่มีความสามารถสำหรับการจ่ายและชำระหนี้ หรือมีโอกาสผิดชำระหนี้ได้สูง และก็จะมีผลให้ถูกปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อได้

6. เลือกสมัครสินเชื่อให้เหมาะสมกับตัวเอง

สินเชื่อจากแบงค์นั้นมีหลายประเภท ที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน ซึ่งการสมัครสินเชื่อให้ถูกประเภท ไม่เฉพาะแต่จะตอบโจทย์พวกเราแล้ว ยังช่วยทำให้สินเชื่ออนุมัติได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างสินเชื่อ ดังต่อไปนี้

สินเชื่อส่วนบุคคล เป็น สินเชื่อที่ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หลักทรัพย์ ไม่จำเป็นต้องใช้บุคคลรับประกัน โดยส่วนมากให้วงเงินมากถึง 5 เท่าของรายได้ของผู้กู้ เหมาะกับผู้มีความประสงค์เงิน หรือคนที่อยากได้เงินด่วน เพื่อนำมาใช้จ่ายฉุกเฉิน

สินเชื่อบัตรกดเงินสด เป็น สินเชื่อส่วนบุคคลที่อยู่ในลักษณะของ “บัตรกดเงินสด” ซึ่งสามารถนำไปกดเงินสดผ่านตู้ เอทีเอ็ม ตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ

สินเชื่อรถยนต์แลกเงิน เป็น สินเชื่อสำหรับคนมีรถยนต์ ซึ่งสามารถนำรถยนต์ หรือ ทะเบียนรถยนต์ ไปใช้เป็นประกัน มีทั้งยังแบบโอนเล่มทะเบียน และไม่โอนเล่มทะเบียน ลักษณะเด่นคือได้รับวงเงินสูงมากขึ้นอยู่กับราคาประเมินรถยนต์ รวมทั้งสามารถเลือกผ่อนได้ช่วงเวลานานๆ

สินเชื่อบ้านแลกเงิน เป็น สินเชื่อที่เหมาะกับผู้ที่มี บ้าน ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดที่ปราศจากภาระหน้าที่ หรือ ผ่อนหนี้หมดแล้ว โดยสามารถเอามาจำนองกับแบงค์ เพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายตามต้องการ คุณลักษณะเด่นก็คือ ให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ แถมยังผ่อนสบายๆได้นานถึง 30 ปี